จดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์
จดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์
สำหรับผู้ที่ต้องจดทะเบียนการค้า ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่า ร้านค้าหรือธุรกิจของเรานั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องจดทะเบียนการค้า หรือ จดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ ซึ่งกรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ได้แบ่งผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ไว้ 5 ประเภทดังนี้
1. บุคคลธรรมดาคนเดียว (กิจการเจ้าของคนเดียว)
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญ
3. กฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย
4. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด
5. บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด
ข้อควรรู้: การจดทะเบียนการค้า ผู้ประกอบการต้องดำเนินการขอจดทะเบียนการค้าหรือทะเบียนพาณิชย์ ภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เริ่มประกอบธุรกิจ
2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการรับสินค้าหรือบริการ
3. เป็นหลักฐานการค้า
4. เป็นฐานข้อมูลสถิติของประเทศ
มีธุรกิจอะไรบ้างที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า?
1. การค้าเร่ การค้าแผงลอย
2. พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
3. พาณิชยกิจของนิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
4. พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
5. พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
6. พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร
ร้านค้าออนไลน์ต้องจดทะเบียนการค้าด้วยหรือไม่?
สำหรับร้านค้าออนไลน์ ก็ต้องจดทะเบียนการค้า เนื่องจากว่าถ้ามีธุรกิจแต่ไม่จดทะเบียนจะมีความผิดและบทลงโทษ ซึ่งถ้าเป็นกรณีขายของออนไลน์ผ่านทาง Social media ที่ไม่สามารถชำระเงินได้บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ร้านค้าออนไลน์สามารถทำการจดทะเบียนพาณิชย์แบบธรรมดา และยื่นภาษีได้ตามปกติ แต่ถ้าหากร้านค้าออนไลน์ของคุณมีหน้าร้านที่เป็นเว็บไซต์ด้วย ก็จะต้อง จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมขอเครื่องหมาย DBD Registered ด้วยค่ะ
ข้อควรรู้: หากร้านค้าออนไลน์หรือร้านค้าธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนการค้าและไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่จดทะเบียนต่อเนื่อง จะโดนปรับอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
คนต่างด้าว จดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์ ได้หรือไม่?
กรณีที่เจ้าของหรือผู้ประกอบการพาณิชย์เป็นคนต่างด้าว หรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย จะต้องตรวจสอบดูด้วยว่ากิจการค้าที่ดำเนินการนั้นต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือไม่ หากเป็นกิจการค้าที่ต้องได้รับอนุญาต ผู้ประกอบพาณิชยกิจจะต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าก่อนยื่นจดทะเบียนพาณิชย์
เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนการค้า
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ มีดังนี้
1. คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.) โดยสามารถเข้าไป Download แบบฟอร์มได้ที่ www.dbd.go.th
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ
4. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
5. สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)
6. หนังสือชี้แจง (สำหรับร้านที่เปิดมานานแล้ว และไม่ได้ยื่นจดทะเบียนการค้านับตั้งแต่ 30 วัน หลังเปิดร้าน)
.png)
จดทะเบียนการค้า ต้องไปจดที่ไหน?
1. กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจ ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ
-สำนักงานเขต 50 เขต โดยต้องยื่นจะทะเบียนการค้าในเขตธุรกิจที่เราตั้งอยู่เท่านั้น
-สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
-สำนักการคลัง
-ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
2. กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจตั้งอยู่ต่างจังหวัด
-สามารถยื่นจดทะเบียนการค้าได้ที่เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตที่ตั้งตั้งธุรกิจอยู่
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการค้า
-จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งใหม่ 50 บาท
-จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ครั้งละ 20 บาท
-จดทะเบียนยกเลิกประกอบพาณิชยกิจ 20 บาท
-ขอให้ออกใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ ฉบับละ 30 บาท
-ขอให้เจ้าหน้าที่คัดลอกสำเนาและรับรองสำเนาเอกสารของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (ผู้ประกอบกิจการค้า) ฉบับละ 30 บาท
-จดทะเบียนพาณิชย์ในนามบุคคลธรรมดา → มีภาระหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-จดทะเบียนพาณิชย์ในนามนิติบุคคล → มีภาระหน้าที่ต้องภาษีเงินได้นิติบุคคล และหากรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนเป้นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยนะคะ
จะเห็นได้ว่า การจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แค่เราต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ครบถ้วน และดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการเอง เพราะการจดทะเบียนการค้าจะช่วยยืนยันความมีตัวตนของธุรกิจร้านค้าของคุณ ทำให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ยอมเสียเวลา เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แต่ได้ความถูกต้องและน่าเชื่อถือของธุรกิจมากขึ้น ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ
หากต้องการใช้บริการดังกล่าว สามารถติดต่อที่เบอร์ 086-3111131, Line ID @ftaconsulting ได้ทันที
1. บุคคลธรรมดาคนเดียว (กิจการเจ้าของคนเดียว)
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญ
3. กฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย
4. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด
5. บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด
ข้อควรรู้: การจดทะเบียนการค้า ผู้ประกอบการต้องดำเนินการขอจดทะเบียนการค้าหรือทะเบียนพาณิชย์ ภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เริ่มประกอบธุรกิจ
เพราะอะไร ถึงต้องจดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์?
1. สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบขอสินเชื่อ2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการรับสินค้าหรือบริการ
3. เป็นหลักฐานการค้า
4. เป็นฐานข้อมูลสถิติของประเทศ
มีธุรกิจอะไรบ้างที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า?
1. การค้าเร่ การค้าแผงลอย
2. พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
3. พาณิชยกิจของนิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
4. พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม
5. พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
6. พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร
ร้านค้าออนไลน์ต้องจดทะเบียนการค้าด้วยหรือไม่?
สำหรับร้านค้าออนไลน์ ก็ต้องจดทะเบียนการค้า เนื่องจากว่าถ้ามีธุรกิจแต่ไม่จดทะเบียนจะมีความผิดและบทลงโทษ ซึ่งถ้าเป็นกรณีขายของออนไลน์ผ่านทาง Social media ที่ไม่สามารถชำระเงินได้บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ร้านค้าออนไลน์สามารถทำการจดทะเบียนพาณิชย์แบบธรรมดา และยื่นภาษีได้ตามปกติ แต่ถ้าหากร้านค้าออนไลน์ของคุณมีหน้าร้านที่เป็นเว็บไซต์ด้วย ก็จะต้อง จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมขอเครื่องหมาย DBD Registered ด้วยค่ะ
ข้อควรรู้: หากร้านค้าออนไลน์หรือร้านค้าธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนการค้าและไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่จดทะเบียนต่อเนื่อง จะโดนปรับอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
คนต่างด้าว จดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์ ได้หรือไม่?
กรณีที่เจ้าของหรือผู้ประกอบการพาณิชย์เป็นคนต่างด้าว หรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย จะต้องตรวจสอบดูด้วยว่ากิจการค้าที่ดำเนินการนั้นต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือไม่ หากเป็นกิจการค้าที่ต้องได้รับอนุญาต ผู้ประกอบพาณิชยกิจจะต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าก่อนยื่นจดทะเบียนพาณิชย์
เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนการค้า
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ มีดังนี้
1. คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.) โดยสามารถเข้าไป Download แบบฟอร์มได้ที่ www.dbd.go.th
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ
4. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
5. สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)
6. หนังสือชี้แจง (สำหรับร้านที่เปิดมานานแล้ว และไม่ได้ยื่นจดทะเบียนการค้านับตั้งแต่ 30 วัน หลังเปิดร้าน)
จดทะเบียนการค้า ต้องไปจดที่ไหน?
1. กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจ ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ
-สำนักงานเขต 50 เขต โดยต้องยื่นจะทะเบียนการค้าในเขตธุรกิจที่เราตั้งอยู่เท่านั้น
-สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
-สำนักการคลัง
-ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
2. กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจตั้งอยู่ต่างจังหวัด
-สามารถยื่นจดทะเบียนการค้าได้ที่เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตที่ตั้งตั้งธุรกิจอยู่
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการค้า
-จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งใหม่ 50 บาท
-จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ครั้งละ 20 บาท
-จดทะเบียนยกเลิกประกอบพาณิชยกิจ 20 บาท
-ขอให้ออกใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ ฉบับละ 30 บาท
-ขอให้เจ้าหน้าที่คัดลอกสำเนาและรับรองสำเนาเอกสารของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (ผู้ประกอบกิจการค้า) ฉบับละ 30 บาท
จดทะเบียนการค้า จดทะเบียนพาณิชย์ เสียภาษีอย่างไร?
สำหรับกิจการที่จดทะเบียนการค้า หรือ จดทะเบียนพาณิชย์ จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามประเภทบุคคลของผู้ขอจดทะเบียน ดังนี้-จดทะเบียนพาณิชย์ในนามบุคคลธรรมดา → มีภาระหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-จดทะเบียนพาณิชย์ในนามนิติบุคคล → มีภาระหน้าที่ต้องภาษีเงินได้นิติบุคคล และหากรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนเป้นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยนะคะ
จะเห็นได้ว่า การจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แค่เราต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ครบถ้วน และดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการเอง เพราะการจดทะเบียนการค้าจะช่วยยืนยันความมีตัวตนของธุรกิจร้านค้าของคุณ ทำให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ยอมเสียเวลา เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แต่ได้ความถูกต้องและน่าเชื่อถือของธุรกิจมากขึ้น ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ
หากต้องการใช้บริการดังกล่าว สามารถติดต่อที่เบอร์ 086-3111131, Line ID @ftaconsulting ได้ทันที